5 เทคนิคเก็บไว้อ่าน ตอนทะเลาะกับแฟน

คนรักกันน้ำต้มผักยังบอกว่าหวาน แต่ยามรักหมดโปรฯ ยืนเฉยๆ ยังหาว่าผิด!
จากการสำรวจพบว่า คู่รัก 45 เปอร์เซ็นต์ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องเป็นประจำ ในขณะที่ 11 เปอร์เซ็นต์บอกว่าพวกเขาแฮปปี้สุดๆ กับความรักจากตัวเลขจะเห็นว่ามีทั้งคู่รักที่ทะเลาะกันและไม่เคยทะเลาะกันเลยหรือมีบ้างแต่น้อยมาก
“เราค้นพบว่าจริงๆ แล้วคนเราต้องการอะไรจากคนรักและการใช้ชีวิตร่วมกัน” คาวิต้า เจ พาเทล (Kavita J. Patel) ที่ปรึกษาด้านความสัมพันธ์ในนิวยอร์กกล่าวแต่การจะได้สิ่งนั้นมาใช่ว่าคุณต้องทะเลาะเบาะแว้งหรือตบตีกับอีกฝ่ายอยู่เป็นประจำจนเสียสุขภาพจิตซะเมื่อไหร่
แน่นอนว่าเทคนิคง่ายๆ ในการพยุงความสัมพันธ์ให้ตลอดรอดฝั่งคือทะเลาะกันให้น้อยลง ไม่ทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่หรือถ้าอีกฝ่ายทำอะไรไม่ถูกใจก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นซะเพราะการทะเลาะกันบ่อยๆ ด้วยถ้อยคำร้ายกาจมันกัดกร่อนความรู้สึกทำลายความทรงจำดีๆ จะให้ดีลองเอาคำแนะนำจากเราไปใช้เวลาทะเลาะกันจะได้ไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่หรือเลิกรากันเพราะเรื่องขี้ปะติ๋ว
– 1 –
แข่งกันด้วยเกม
บางคู่คบกันมานานจนหลงลืมไปว่าความเปรี้ยวซ่าหวานซึ้งตอนคบกันใหม่ๆ นั้นเป็นอย่างไร คราวหน้าแทนที่จะออกไปเดินห้างหรือดูหนัง ลองหากิจกรรมสนุกๆ ทำร่วมกัน เช่น เกมกระดานหรือเล่นไพ่กินตังค์ก็ยังได้
ราเชล ซัสแมน (Rachel Sussman) นักบำบัดด้านชีวิตสมรสในนิวยอร์กและเจ้าของหนังสือ The Breakup Bible บอก พร้อมเสริมว่าคู่รักหลายคู่เลือกที่จะเล่นเกมแข่งกันว่าใครต้องทำงานบ้าน แทนที่จะชี้นิ้วสั่งอย่างเดียว เกมอย่างสงครามนิ้วโป้ง (งัดนิ้วโป้งแข่งกัน) ช่วยคลายบรรยากาศตึงเครียดและทำให้คุณทั้งสองรู้ว่าเรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องทะเลาะกันเลย แถมคนแพ้ยังไม่รู้สึกติดใจอีกต่างหาก
– 2 –
L-U-V โค้ดลับยุติสงคราม
ไม่ได้หมายถึงฉายาขำๆ ที่รู้กันแค่สองคน แต่เราอยากให้คุณทั้งสองลองตั้งโค้ดลับหรือคำประกาศิตที่ช่วยให้สถานการณ์คลี่คลาย “เมื่อคุณพยายามโฟกัสกับปัญหา พอมีเรื่องอื่นโผล่เข้ามาในหัวอีก คุณอาจรู้สึกว่าทุกอย่างซีเรียสเกินไปหมด” เอมี่ จอห์นสัน (Amy Johnson) รองศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาและเจ้าของหนังสือ Modern Enlightenment: Psychological, Spiritual, and Practical Ideas for a Better Life เสริมก่อนกล่าวต่อว่า “การใช้โค้ดลับสามารถยุติสถานการณ์และความตึงเครียด ทำให้อารมณ์เย็นลง และคอยย้ำเตือนให้รู้ว่าคุณทั้งสองเคยรักกันมากเพียงไร”
ถ้าให้แนะนำลองเลือกชื่อที่ชวนให้นึกถึงความทรงจำตลกๆหรือเรื่องโจ๊กที่รู้กันสองคนจากนั้นสัญญาว่าเมื่อใดที่ทะเลาะกันเมื่อฝ่ายแรกเอ่ยคำประกาศิตให้อีกฝ่ายใจเย็นลงหน่อย “อารมณ์คุณไม่ได้ดีขึ้นทันทีทันใดหรอกค่ะ แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้อารมณ์เย็นลงบ้าง”
– 3 –
อีโมติคอนสื่อรัก
เวลาที่ฝ่ายหนึ่งส่งเมสเสจมาถามว่าเย็นนี้อยากกินอะไร นั่นหมายความว่าเขาหรือเธออยากรู้หรืออยากได้คำตอบจริงๆ ว่าแฟนอยากกินอะไรเป็นมื้อค่ำ แต่หากตอบกลับไปว่า อะไรก็ได้, แล้วแต่, หรือขี้เกียจคิด ฯลฯ คำตอบเหล่านี้อาจสร้างปัญหาให้ชีวิตคู่ ทางแก้คือหลีกเลี่ยงการตอบคำถามที่ไม่ตรงประเด็น และพยายามไม่ใช้อีโมติคอนกวนประสาท ให้ใช้สัญลักษณ์สื่อความหมายที่เข้าใจง่ายอย่างรูปหัวใจ หน้ายิ้ม แก้วเบียร์ หรือต้นไม้ดอกไม้ เพราะมันช่วยให้ข้อความนั้นๆ กุ๊กกิ๊กและมีความหมายยิ่งขึ้น หรือไม่ก็บอกเขาไปเลยว่าคุณอยากกินอะไร ไทย จีน ญี่ปุ่น อิตาเลียน อยากกินเบาๆ หนักๆ หรือไดเอต คือบางทีเขาก็มีคำตอบอยู่แล้วว่าอยากกินอะไร แต่ก็ถามไปเพื่อให้มั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากกินอะไรเป็นพิเศษ
เวนดี้ วิลเลี่ยม (Wendy Williams) เจ้าของรายการ Wendy Williams Show และเจ้าของหนังสือ Ask Wendy แนะนำว่าการใช้รูปคู่ที่ดูมีความสุขหรือหัวเราะร่าในมือถือช่วยกระชับความสัมพันธ์ “ลองคิดดูว่าเวลาที่คุณกำลังมีปากเสียงกันอยู่ จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเห็นเป็นรูปคู่ของคุณหรือรูปอีกฝ่ายกำลังทำท่าเพี้ยนๆ มันจะช่วยให้คุณทั้งสองรู้ว่าที่ผ่านมานั่นรักกันเพียงไร”
– 4 –
แบ๊วอย่างมีสติ
เวลาคู่รักอยู่ด้วยกันตลอดเวลา เรื่องไม่เป็นเรื่องก็สร้างปัญหาใหญ่ได้ เช่น เรื่องที่อีกฝ่ายไม่เคยจัดเตียงปล่อยให้แฟนทำทุกวัน เป็นต้น เมื่อใดที่ทะเลาะกัน เพราะเหตุนี้หรืออยากบ่นเรื่องนี้ ลองทำเสียงเล็กเสียงน้อยหรือออดอ้อนแทนที่จะทำเสียงมึนตึงหน้าเป็นยักษ์
ตรองดูให้ดีสิว่าจะมีใครโกรธแฟนที่กำลังบ่นๆๆ เรื่องงานบ้านด้วยน้ำเสียงเหมือนตัวการ์ตูน เพราะการพูดด้วยน้ำเสียงตลกๆ ของบุคคลที่สามจะช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตัวเองไม่โดนขู่เข็ญ ผู้เชี่ยวชาญอย่างเอมี่ก็เคยใช้วิธีนี้บำบัดลูกค้า (ตัวละครที่เลือกคือโยดาและมิคกี้เมาส์) “เมื่อใดที่ไม่ค่อยมีปัญหา คุณจะเห็นว่าไม่จำเป็นเลยที่ต้องมาทะเลาะกับคนรัก หรือความสัมพันธ์แตกร้าวเพียงเพราะปัญหาเล็กๆ จะว่าไปก็เป็นเรื่องปกติที่แต่ละฝ่ายจะมองเห็นรายละเอียดปลีกย่อยในการครองชีวิตคู่ที่แตกต่างกัน” แน่ละ คุณอาจรู้สึกขำตัวเองที่ต้องเลียนเสียงพูดตัวการ์ตูนหรือนักพากษ์เสียงช่อง 9 แต่เมื่อคิดดูดีๆยังดีกว่าต้องมานั่งทะเลาะกับแฟนหรือบึ้งตึงไม่พูดจากันนานนับสัปดาห์
– 5 –
เป็นนางเอกดีๆ อย่าริเป็นนางร้าย
การกรีดร้องวี้ดๆ เหมือนนางร้ายในละครไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ผลการศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Family Psychology พบว่าการเปล่งเสียงสูงปรี๊ดหรือขึ้นเสียงเวลาทะเลาะกันมีผลต่อระดับการเต้นของหัวใจและฮอร์โมนคอร์ติซอลหรือฮอร์โมนความเครียด แถมยังฟังไม่รื่นหู ดังนั้นแทนที่จะตะคอกใส่กันลองเปลี่ยนมากระซิบแทน เรื่องนี้ลอรี พุห์น (Laurie Puhn) นักกฎหมายจากฮาร์เวิร์ดและนักบำบัดชีวิตคู่ เจ้าของงานเขียน Less, Love More: 5- Minute Conversations to Change Your Relationship Without Blowing Up or Giving In แนะนำมา
ทักษะนี้สาวๆอาจคุ้นเคยดีเวลากระซิบกระซาบกับเพื่อนสาวเรื่องหนุ่มดาร์กทอลแฮนด์ซั่มหล่อที่เพิ่งเดินผ่านหรือเมาธ์กับเพื่อนร่วมงานที่ออฟฟิศทำไมไม่เอามาปรับใช้เวลาทะเลาะกับแฟน “การกระซิบหรือพูดเบาๆ หมายความว่าคุณไม่อยากรุมทึ้งหรือกะเอาเขาให้ตาย เช่น เอาไม้เบสบอลไล่ตีเขา การค่อยๆ พูดบังคับให้คุณทั้งสองต้องกระเถิบเข้ามาอยู่ใกล้ๆ และใส่ใจฟังคำพูดของอีกฝ่าย” และหากคุณอยากง้อก็คว้าแก้มเขามาหอมซะเลย