วิเคราะห์ 11 สูตรความงามโบราณ สมุนไพรสูตรไหนหน้าพัง? สูตรไหนหน้าเด้ง? ต้องอ่าน!
11 สูตรความงามโบราณเหล่านี้ เป็นเครื่องประทินโฉมที่บอกเล่าส่งต่อกันมา ดีหรือมั่ว? ชัวร์หรือไม่? เราก็ไม่รู้ ฉะนั้นจะงงๆ งวยๆ ใช้ตามกันมันไม่ควร คำว่าคนสวยมักไม่มีสมองมันหมดยุคไปแล้ว สาวยุคนี้ต้องทั้งงามและฉลาดเลิศล้ำ อย่ากระนั้นเลย จงมาเสาะหาข้อมูลให้เพียบทั้งจากการปรึกษาผู้รู้ และตำรับตำราที่เชื่อถือได้ เอาความจริงมาชำแหละกันเห็นๆ ถ้าใครคิดจะเปิดผ่านบทความนี้ขอเตือนว่า…คุณจะเสียใจ
สูตรที่ 1 น้ำมันมะพร้าวสูตรคนอินเดีย
วัตถุดิบ: มะพร้าวขูด 1 ถ้วย
วิธีใช้: คั่วมะพร้าวขูด 1 ถ้วยให้แห้ง นำมาคั้นเอาแต่น้ำมันใช้ทาผมทุกวันโดยไม่จำเป็นต้องล้างออก จะช่วยให้ผมดำสลวยไม่หงอกขาว
เวิร์กหรือไม่ ได้ผลชัวร์ๆ เพราะเป็นสูตรที่คิดค้นและใช้กันมาหลายพันปีแล้ว เป็นภูมิปัญญาของอินเดียโบราณ (อายุรเวดิค เมดิซีน) ยาปลูกผมของชาวอินเดียจะใส่น้ำมันมะพร้าวเป็นหลัก สารสำคัญในน้ำมันมะพร้าวนั้นมีทั้งตัวขจัดรังแค และกระตุ้นให้เซลล์เส้นผมเจริญเติบโตดี ทำให้เซลล์สมบูรณ์ ช่วยให้ผมดกดำเป็นเงางาม มีฤทธิ์หล่อลื่น ผมจึงสลวยสวยเก๋
ช่วงนี้ชี้แนะ: แต่สูตรนี้คลาดเคลื่อนไปตรงที่ น้ำมันมะพร้าวดังกล่าว ไม่ใช่ชนิดที่ใช้ความร้อนกลั่นออกมา ต้องใช้วิธีบีบเย็นคือเอาเนื้อมะพร้าวแก่ที่เพิ่งกะเทาะจากกะลามาบีบเอาแต่น้ำมันโดยไม่ใส่น้ำ ไม่งั้นจะกลายเป็นน้ำกะทิขาวๆ ข้นๆ ใช้ไม่ได้ผลอีกเช่นกัน น้ำมันแบบบีบเย็นนี้จะใสๆ และมีกลิ่นหอมแบบของสด ไม่ใช่น้ำมันมะพร้าวเคี่ยวไฟ ที่เมื่อทิ้งไว้จะมีกลิ่นเหม็นหืน
สูตรที่ 2 น้ำต้มกิ่งมะขามรักษาสิวเรื้อรัง
วัตถุดิบ: กิ่งมะขามเล็กๆ ที่ไม่แก่เกินไปประมาณ 5 กิ่ง
วิธีใช้: นำกิ่งมะขามทั้งหมดมาต้มให้เดือดนานประมาณ 10 นาที ทิ้งไว้จนเย็น นำมาล้างหน้าเช้า-เย็น ทุกวันประมาณหนึ่งสัปดาห์ ปัญหาเรื่องสิวจะค่อยๆดีขึ้น
เวิร์กหรือไม่ ไม่ยืนยันว่ากิ่งมะขามใช้แล้วจะได้ผลดีนะคะ และคาดว่าสูตรนี้น่าจะเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ยังไม่มีบันทึกไว้ในคัมภีร์แพทย์แผนโบราณอย่างเป็นระบบ แต่อาจจะเป็นสูตรที่บอกเล่าสืบต่อกันมา เพราะตามตำราโบราณของไทยมักจะใช้ส่วนฝักซึ่งเป็นมะขามสุกและใช้แก้ท้องผูก เพราะมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้ รวมทั้งมีกรด AHA ช่วยกระตุ้นให้ผิวผลัดเร็วขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปเขาใช้ผสมในเคลนซิ่งครีม หรือครีมขัดผิวทั้งหลายแหล่
ช่วงนี้ชี้แนะ: ความจริงพืชผักที่มีรสเปรี้ยวทั้งหลายก็คือกรดอ่อนๆ นั่นเอง ที่มักมีคุณสมบัติล้างผิวหนังที่แก่ตายแล้วให้หลุดลอกเร็วขึ้น อย่างเช่นมะนาว มะขาม กระเจี๊ยบ อันนี้ใช่เลย แต่ที่บางคนใช้แล้วแพ้ ผิวลอกหน้าเป็นขุย ผื่นถามหา เพราะดันใช้ในปริมาณความเข้มข้นสูงเกินไป อย่างที่บางคนอุตริฝานมะนาวเป็นแผ่นแล้วเอามาทาหน้าดื้อๆ ซะอย่างนั้น ถ้ารู้จักนำมาเจือจางน้ำสุกก่อนล้างหน้าจะไม่เป็นอันตรายต่อผิว เพราะเวลากินเรายังปลอดภัยเลย ประสาอะไรกับผิวกายภายนอก
![]() สูตรแก้สิวที่ถูกต้อง สูตรขมิ้นสด + ดินสอพอง + น้ำมะนาว ส่วนผสม : ขมิ้นสด (เล็กน้อย), ดินสอพอง 2-3 เม็ด, มะนาว 1 ผล วิธีทำ : 1.นำขมิ้นสดมาล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กแล้วปั่นรวมกับดินสอพองกับมะนาว จนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน 2.จะได้เนื้อครีมข้นและเหนียว ใช้พอกหน้าที่ล้างสะอาดหมดจดแล้ว 3.พอกนาน 15-20 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด 4.ทำเป็นประจำ 3-4 ครั้ง ยิ่งผสมกับผักแว่น ผิวหน้ายิ่งดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
|
สูตรที่ 3 น้ำมันมะกอกใส่ไข่ไก่ช่วยให้ผมสวยมีน้ำหนัก (เหมาะกับผมเส้นเล็ก)
วัตถุดิบ: น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ไข่ไก่ 1 ฟอง
วิธีใช้: น้ำมันมะกอก 1 ถ้วยผสมไข่ไก่ 1 ฟองตีให้เข้ากัน นำมาชโลมและนวดผมให้ทั่วทั้งศีรษะ ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง ล้างออกแล้วสระผมด้วยแชมพูตามปกติ แต่สูตรนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมนวดผม ทำเป็นประจำผมที่เคยแห้งกรอบจะกลับมานุ่มมีน้ำหนัก
เวิร์กหรือไม่ เวิร์กแน่ๆ แต่สำหรับเมืองไทยควรจะเปลี่ยนมาใช้น้ำมันรำดิบกับไข่ไก่จะเวิร์กสุดๆ เพราะน้ำมันรำดิบมีคุณประโยชน์ไม่แพ้กัน แถมยังหาง่ายและถูกสตางค์กว่ามาก สูตรนี้เป็นสูตรดั้งเดิมของคนยุโรปใต้ ที่เราไปลอกเลียนเขามา ไม่ได้ค้นคิดขึ้นเอง ก็แหมบ้านเรามีโอลีฟ ออยล์ อย่างอิตาลี ตุรกี และกรีซที่ไหนล่ะ
สูตรที่ 4 เกลือแก้ผมร่วง
วัตถุดิบ: เกลือ
วิธีใช้: ผสมเกลือ 3 ช้อนโต๊ะกับน้ำอุ่นครึ่งถ้วย คนให้เกลือละลายจนหมด ใช้นวดบนเส้นผมที่สะอาดให้ทั่วศีรษะประมาณ 5 นาที จึงล้างออกให้สะอาด ทำบ่อยๆ ผมจะหยุดร่วงในที่สุด
เวิร์กหรือไม่ ที่สูตรบอกว่าแก้ผมร่วง อาจเพราะเกลือที่มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อได้แต่ตรงนี้น่าจะเป็นแค่ตัวเสริมไม่ให้หนังศีรษะติดเชื้อ คงไม่ใช่ตัวหลักในการรักษาผมร่วง ปกติแล้วเกลือจะแรง และระคายเคืองต่อผิวหนัง จึงต้องระมัดระวังเรื่องความเข้มข้นที่ใช้ และที่จริงเกลือจะละลายในน้ำ ฉะนั้นเกลือจะฆ่าเชื้อเฉพาะสภาพผิวหนังที่มีความชื้นหรือมีน้ำเท่านั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปลดความมันของหนังศีรษะ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของผมร่วง
ช่วงนี้ชี้แนะ: ถ้าจะใช้เกลือกับผิวพรรณละก็ ความเข้มข้นของน้ำเกลือที่ควรใช้คือประมาณ 0.9% ซึ่งปลอดภัยพอที่จะไม่ทำให้ผิวระคายเคือง
![]() สูตรนี้สิของแท้ แก้ผมร่วง นำขิงแก่จำนวน 1 แง่งมาตำจนละเอียด จากนั้นห่อผ้าขาวบางมัดเป็นลูกประคบเตรียมไว้ ต่อมาต้มน้ำให้เดือดโดยใส่น้ำ ½ หม้อ แล้วขึงผ้าขาวบางปิดปากหม้อ รอจนน้ำเดือดแล้วเอาขิงที่ห่อผ้าขาวบางไว้มาวาง
|
สูตรที่ 5 น้ำมะขามเปียกคืนชีวิตชีวาให้เส้นผม
วัตถุดิบ: น้ำมะขามเปียกครึ่งถ้วย
วิธีใช้: สระผมด้วยแชมพูอ่อนๆ 1 ครั้งแล้วชโลมน้ำมะขามเปียกให้ทั่วศีรษะ หมักทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง สระออกด้วยแชมพูอีกครั้ง ทำซ้ำๆ ประมาณ 1 สัปดาห์ ผมที่แห้งกรอบจะนุ่มและสุขภาพดีขึ้น
เวิร์กหรือไม่ ไม่ขอส่งเสริมให้ใช้ เพราะตามสูตรระบุแค่ว่าใช้น้ำมะขามเปียกครึ่งถ้วย ทีนี้ในการเตรียมน้ำมะขามเปียกนี่ ถ้าให้ถูกหลักต้องกำหนดให้แน่ชัดว่าละลายในน้ำต้มปริมาณเท่าใด สูตรนี้บกพร่องตรงที่ไม่ได้บอกขนาดและปริมาณมะขามต่อน้ำที่ชัดเจน ถ้าเป็นภูมิปัญญาที่เชื่อถือได้จริงๆ อย่างตำรายาหลวง จะระบุขนาดยาที่แน่นอนไว้เลย ว่าต้องใช้ส่วนผสมอะไร เท่าไร อย่างไร สูตรนี้น่าจะเป็นสูตรพื้นบ้านอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งคนเคยใช้คงรู้ปริมาณโดยวงใน เพราะทำใช้กันเองจนชิน
สูตรนี้สิของแท้
มะกรูดคืนชีวิตชีวาแก่เส้นผม เอาผลมะกรูดสัก 2-3 ลูก ย่างไฟให้เกรียม แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เลาะเอาเมล็ดออก นำไปปั่นให้ละเอียดใช้เป็นแชมพูสระผม สามารถเก็บไว้ได้นาน 1 เดือน หรือใช้มะกรูด 9 ลูก ผ่าครึ่งบีบเอาแต่น้ำและผสมหัวกะทิในจำนวนเท่าๆ กันแล้วชโลมเส้นผม+หนังศีรษะให้ทั่ว |
สูตรที่ 6 น้ำคั้นจากใบตำลึงเพื่อผมดำเงางาม
วัตถุดิบ: ใบตำลึง
วิธีใช้: คั้นน้ำจากใบตำลึงสดให้ได้ 1 ถ้วย (แบบข้นๆ) หลังสระผมด้วยแชมพูอ่อนๆ 1 ครั้ง นวดน้ำตำลึงที่คั้นไว้ให้ทั่วศีรษะ หมักทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง ทำเป็นประจำประมาณ 3 สัปดาห์ ผมจะดำเป็นเงางาม
เวิร์กหรือไม่ สูตรนี้ไม่ได้ถูกระบุไว้ในตำรายาแผนโบราณของไทย จึงไม่ยืนยันว่าใช้ได้ผลจริง เพราะไม่ทราบที่มาของต้นตอ ปกติแล้วตำลึงเป็นยาเย็นใช้ดับพิษ ถอนพิษ แก้ตาช้ำ ตาแดง ปวดตา ใช้เป็นยาลดไข้ มองไม่เห็นเลยว่ามีส่วนไหนใช้ได้ดีกับเส้นผม
ช่วงนี้ชี้แนะ: ถ้าอยากจะรู้ว่าจะใช้ได้ผลจริงหรือไม่ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญลองนำไปพิสูจน์ตามหลักเกณฑ์ 3 แนวทาง คือหนึ่ง-ในใบตำลึงมีสารที่เป็นคุณประโยชน์ต่อผมจริงไหม สอง-ใช้แล้วปลอดภัยหรือเปล่า และสาม-ใช้ได้ผลจริงหรือไม่
สูตรนี้สิของแท้
แก้ผมหงอก
|
สูตรที่ 7 ชาถุงปลอบประโลมผิวไหม้เกรียม
วัตถุดิบ: ชาชนิดถุง
วิธีใช้: นำชาถุงมาชงน้ำร้อน ทิ้งไว้จนเย็น ใช้น้ำชาที่เย็นแล้วทาผิวที่ไหม้เกรียมให้ทั่ว ส่วนถุงชายังมีประโยชน์สามารถใช้ประคบตาช่วยลดอาการตาบวมได้
เวิร์กหรือไม่ ปกติชาเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระ แต่ยังมีอิทธิฤทธิ์อื่นๆ อีก เช่นฆ่าเชื้อ แก้อักเสบ เวลาผิวหนังคนเราไหม้เกรียมมักจะแสบร้อนเพราะอาการอักเสบ ชาในสูตรนี้จึงแก้อักเสบและฆ่าเชื้อในคราวเดียวกัน สารในชาที่มีฤทธิ์ป้องกันผิวไหม้เกรียมจะอยู่ในกลุ่มของสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างพวกแคทติชิน ส่วนถุงชาช่วยลดอาการตาบวม ก็ใช้หลักการเดียวกับลูกประคบทั่วไป แต่แนะนำให้แช่น้ำร้อนทิ้งไว้พออุ่นก่อนนำมาโปะตา ไม่ใช่แช่ตู้เย็นแล้วนำมาโบ๊ะ
ช่วงนี้ชี้แนะ: การเลือกใช้ชาบ้านเรา ต้องเลือกที่คุณภาพดี อาจใช้มาตรฐานที่อย.รับรองแล้วก็ได้ เราควรดูรายละเอียดข้างฉลากด้วยว่ามีแคทติชิน ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์ที่สุดอยู่กี่มากน้อย
สูตรที่ 8 น้ำนมข้าวโพดบำรุงผิว
วัตถุดิบ: ข้าวโพดดิบ 1 ฝัก
วิธีใช้: แกะเอาแต่เมล็ดข้าวโพด โขลกหรือปั่นให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำนม ทาให้ทั่วใบหน้าทุกวันจะบำรุงผิวให้มีน้ำมีนวล
เวิร์กหรือไม่ บำรุงผิวได้จริงเพราะในข้าวโพดมีสารอาหารที่มีประโยชน์หลายชนิด เช่น กรดอะมิโน และวิตามินต่างๆ ช่วยบำรุงเซลล์
ช่วงนี้ชี้แนะ: อย่าเอ๋อโขลกทาตอนเป็นสิวเชียว เดี๋ยวสิวเห่อเต็มหน้าจะแย่เพราะของดีมีประโยชน์ก็เป็นของชอบของแบคทีเรียนะ จำไว้
สูตรนี้สิของแท้
ครีมบำรุงผิวสูตรชาววัง วิธีทำ คลุกเคล้าสมุนไพรทั้งหมดในชามใบโตจนเป็นเนื้อเดียวกัน ควรใช้ภาชนะกระเบื้องหรือแก้ว ทำเสร็จให้แบ่งส่วนที่ใช้ไว้ ส่วนที่เหลือเก็บใส่ขวดแก้วผิดฝาให้สนิท เก็บไว้ได้นาน 2 ปี ตำรับนี้ใช้ได้กับทุกสภาพผิว ทั้งขัดตัวและผิวหน้า ขั้นตอนพอกสมุนไพร
|
สูตรที่ 9 มะเขือเทศผสมมะนาวลดปัญหาผิวมัน
วัตถุดิบ: น้ำมะเขือเทศสดและน้ำมะนาวสด
วิธีใช้: ผสมน้ำมะเขือเทศลด 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำมะนาวสด 1 ช้อนโต๊ะ ใช้ทาหน้าทุกเช้าและทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง จะช่วยลดความมันบนใบหน้า
เวิร์กหรือไม่ การันตีว่าได้ผลดีเอามากๆ เพราะมะเขือเทศมีสารละลายไขมันได้และสารสำคัญที่กำลังฮิตในมะเขือเทศตอนนี้คือตัวต้านอนุมูลอิสระยิ่งผสมมะนาวเข้าไปก็เหมือนกับใส่ AHA ช่วยกระตุ้นผิวหนังกำลังสอง
ช่วงนี้ชี้แนะ: ถ้ามะเขือเทศหมดตู้ ไม่ต้องวัยรุ่นเซ็ง เราสามาถใช้น้ำมันรำดิบเช็ดทำความสะอาดผิวแล้วล้างออกก็ช่วยชำระความมันได้ดีไม่ต่างกัน เพราะปกติสารจำพวกน้ำมันนี้นิยมใช้เป็นส่วนประกอบของแชมพู หรือโลชั่นล้างทำความสะอาดผิวอยู่แล้ว
สูตรที่ 10 น้ำซาวข้าวเจ้ารักษาสิวฝ้า
วัตถุดิบ: ข้าวเจ้าดิบ
วิธีใช้: ใช้น้ำซาวข้าวครั้งที่สอง ชโลมทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก ทำเป็นประจำจะช่วยแก้สิวฝ้า บำรุงผิวหน้าให้ขาวนวลขึ้น
เวิร์กหรือไม่ สมุนไพรใดจะสามารถรักษาสิวได้ ต้องมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อเป็นหลัก แต่ในน้ำซาวข้าวส่วนใหญ่มีแต่สารบำรุง เช่น วิตามินต่างๆ กรดอะมิโน ซึ่งล้วนแต่เป็นอาหารเลี้ยงเชื้อทั้งสิ้น ขืนใช้ชโลมหน้า มีหวังสิวเขรอะ เปรียบง่ายๆ ก็เหมือนเราเอาอาหารที่อุดมด้วยประโยชน์ไปเลี้ยงเชื้อ ส่วนที่ระบุรักษาฝ้าได้นั้น ปัจจุบันตัวยาที่รักษาฝ้าถาวรแทบจะไม่มี มีแต่สารป้องกันให้ฝ้าจางลงเท่านั้น ซึ่งพอหยุดใช้สักพักฝ้าก็กลับมาเป็นใหม่
ช่วงนี้ชี้แนะ: ถ้าจะใช้สมุนไพรทำเองสดๆ สำหรับรักษาสิวละก็น่าจะใช้ใบบัวบกมากกว่า เพราะมีตัวยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ ปัจจุบันตัวยาสมุนไพรทั่วไปที่ใช้รักษาสิว มักผสมสารสกัดจากใบบัวบกซึ่งมีคุณสมบัติต้านเชื้อ สารสกัดจากเสลดพังพอนตัวเมีย และพญายอซึ่งมีฤทธิ์ต้านไวรัส ผสมมอยส์เจอไรเซอร์คือว่านหางจระเข้บำรุงผิวให้ชุ่มชื่นอีกนิด แต่ถ้าอยากจะใส่สมุนไพรที่มีซันบล็อกก็เติมน้ำมันรำดิบเข้าไปแค่นี้ก็ซูเปอร์เพอร์เฟ็กต์
![]() สูตรนี้สิของแท้ รักษาฝ้าด้วยแตงกวา
|
สูตรที่ 11 นมผสมน้ำผึ้งและน้ำมะนาวไวเทนนิ่งแบบพื้นบ้าน
นมสด + น้ำผึ้ง + น้ำมะนาวสด
วัตถุดิบ: นมสด น้ำผึ้งแท้ 100% น้ำมะนาวสด
วิธีใช้: ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ นมสด 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาวสด 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน ทาทั่วใบหน้าแล้วทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ทำเป็นประจำทั้งเช้าและเย็น จะช่วยให้ผิวหน้าขาวขึ้น สูตรนี้สำหรับสาวผิวแห้งเท่านั้น
เวิร์กหรือไม่ สูตรนี้ที่จริงไม่ได้เป็นไวเทนเนอร์ เพราะของจากธรรมชาติที่จะเป็นไวเทนเนอร์ได้ ต้องมีคุณสมบัติป้องกันไม่ให้เมลานินบนผิวหนังสร้างสีแต่น่าจะเป็นตัวล้างผิวมากกว่า ช่วยขัดผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไปเร็วขึ้น หน้าจะได้ไม่หมองคล้ำ ส่วนน้ำผึ้งมีคุณสมบัติเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ชั้นดี เพราะมีคุณสมบัติดูดความชื้น เมื่อทาแล้วผิวจึงชุ่มชื้นเช่นเดียวกับน้ำนม
*รู้เพิ่มเติมเรื่องสมุนไพรที่ไหนดี
1. อยากหาความรู้และศึกษาเรื่องการใช้สมุนไพรเพิ่มเติมต้องอ่านตำรายาแพทย์วิทยาศาสตร์สังเคราะห์ ในตำรานี้อัดแน่นด้วยสูตรสมุนไพรรักษาโรคตั้งแต่เกิดจนประมาณ 1,200 สูตร มีส่วนประกอบตัวยาสมุนไพรประมาณ 2,000 ชนิด ติดต่อสอบถามที่มหาวิทยาลัยรังสิต หรือกระทรวงศึกษาธิการ
2. คณะการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โทร. (02)997-2200
3. สถาบันการแพทย์แผนไทยกระทรวงสาธารณสุข (02)591-2500
4. หน่วยบริการข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โทร. (02)644-8677-91 ต่อ 5313, 5316
5. ในเว็บความรู้เรื่องสมุนไพร www.medplant.ac.th
ภาพ : giphy
✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦✦
ติดตาม Women’s Health Thailand ได้ที่นี่
♥ Website : https://womenshealththailand.com/
♥ Instagram : https://www.instagram.com/womenshealththai/
♥ Facebook : https://www.facebook.com/WHthailand/
♥ Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCIhD_CWb5KOXLONhw4J4RuQ